Credit: City Nomads
January 2020

Always wanted to explore a kampong in Singapore? These native Malay villages were once everywhere in Singapore back in the day, but they’ve since been replaced by urbanisation. If you want to find one, your best bet is Pulau Ubin, where you’ll be able to indulge in the nostalgia of the past – complete with eating, nature adventures, farm explorations, and other kid-friendly activities.

ดังนั้นวันชาติสิงคโปร์ปีนี้ เราจะยอมฝืนใจพาคุณไปเที่ยว Pulau Ubin เพื่อตามหาความทรงจำในวันวานที่หลายคนบอกว่าเป็นสิ่งที่พวกเราพลาด

 

เราเดินเข้าไปที่ท่าเรือโดยสาร และไม่นานเรือโดยสารก็เข้ามาเทียบท่าพอดี ไม่ต้องรอนานเหมือนคนส่วนใหญ่ สำหรับคนที่อยากประหยัด ไม่ต้องกลัว เพราะเตรียมเงินไว้แค่  $12 ก็เพียงพอสำหรับค่าโดยสารของทั้งวันแล้ว ค่าเรือโดยสารราคา $3 ต่อเที่ยว ส่วนค่าเข้า Pulau Ubin ก็ไม่ต้องเสียเงิน ค่าเช่าจักรยานเฉลี่ยอยู่ที่ $5 ต่อคน ดังนั้นเราแนะนำให้คุณไปแต่เช้า เพื่อจะได้เลือกจักรยานคันที่ดีที่สุด

เราขึ้นไปบนชายฝั่งโดยเตรียมแผ่นแปะกันยุงหรือสเปรย์ไล่แมลงสักกระป๋องมาพร้อม มือจับกล้องไว้มั่น เตรียมจะถ่ายรูปอะไรก็ตามที่มองดูเข้าข่ายคล้ายกับช่วงเวลาแสนสุขที่พ่อแม่ของเราบอกว่าเคยสัมผัสมาก่อนสมัยยังเป็นเด็ก

 

 

หลังจากพูดคุยหยอกล้อกับชาวบ้านในจตุรัสกลางเมืองเล็ก ๆ ของหมู่บ้าน เราก็ปั่นจักรยานไปชมหนึ่งในระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดในสิงคโปร์ แต่เราขอเตือนไว้ก่อน ว่าตอนอยู่ใต้ต้นไม้หรือไม่ได้อยู่ในอาคาร ห้ามนำอาหารหรือถุงพลาสติกออกมาเป็นอันขาด เพราะบนทางเดินปูหินใน Ubin เป็นถิ่นที่อยู่ของฝูงลิงแสม (หรือก็คือลิงนั่นแหละ) ซึ่งเกิดมาพร้อมทักษะมือไว และเตรียมกระโดดออกมาฉกสิ่งของของคุณไปได้ทุกเมื่อ สัตว์ป่าชนิดอื่น ๆ บนเกาะที่คุณอาจจะได้เจอโดยบังเอิญ ได้แก่ กระจง นาก นกเงือก และหมีป่า

 

บนเกาะเดินทางง่ายมาก เพราะมีป้ายบอกทางไปยังสถานที่ที่น่าสนใจรอบเกาะ แต่ถ้าคุณอยากเห็นสภาพแวดล้อมทั้ง 6 แบบที่ผสมผสานกันกลายเป็นแหล่งที่อยู่ของสัตว์ป่านานาชนิด เราแนะนำให้คุณไปเยือนศูนย์นักท่องเที่ยวที่ Chek Jawa ซึ่งคุณจะได้ตื่นตาตื่นใจกับกระท่อมหินเก่าแก่ที่ได้รับการรีโนเวทขึ้นมาใหม่ พร้อมกับข้อมูลเกี่ยวกับเขตสงวนแห่งนี้ รวมทั้งจุดชมวิวที่มองเห็นทัศนึยภาพงดงามจับตายามน้ำลง หลังจากนั้น เราไปเดินเล่นบนทางเดินไม้ความยาว 1 กิโลเมตรที่เรียกว่า Mangrove and Coastal Loops ซึ่งจะนำทางคุณไปพบกับหอสูง 20 เมตร เรียกว่า Jejawi Tower ที่เหมาะกับการขึ้นไปชมพืชและสัตว์บนเกาะจากมุมสูงอย่างยิ่ง

 

 

เหนื่อยหรือยัง แต่ก่อนจะกลับเข้าเมือง อย่าลืมแวะไปที่เหมืองเก่า ซึ่งเคยเป็นแหล่งทำเหมืองแกรนิตมาก่อน แต่เมื่อเวลาผ่านไป น้ำได้ไหลมาสะสมรวมกันเป็นทะเลสาบที่มีทัศนียภาพสวยงาม แต่ถึงจะสวยแค่ไหน ก็ไม่ควรลงไปเล่นน้ำเด็ดขาด เพราะเราไม่ทราบเลยว่าใต้ผิวน้ำนั้นมีอันตรายอะไรบ้าง แต่แค่มาชมวิว ก็คุ้มแล้ว สำหรับคนที่ยังไม่เป็นลมเพราะการปีนขึ้นเนิน ลองไปที่ Butterfly Hill และชมสัตว์ประมาณ 140 สายพันธุ์ คนชอบแมลงจะต้องชอบอย่างแน่นอน

 

 

สถานที่อีกหนึ่งแห่งที่พลาดไม่ได้เลยสำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปลง Instagram คือสระบัวที่อยู่ใกล้กับใจกลางเมือง ซึ่งคุณสามารถแวะลงระหว่างทางไป Chek Jawa หรือจะลงมาถ่ายรูปตอนขากลับก็ได้ แต่ไม่ควรพลาด เพราะคุณจะได้ชมดอกบัวบานเต็มสระ กลายเป็นภาพงดงามเหมือนถูกบรรจงแต่งแต้มด้วยฝีมือแปรงของโมเนต์เลย แต่มีต้นมะพร้าวอยู่ด้วยสองสามต้น ให้คุณจะได้ถ่ายภาพชีวิตบนเกาะได้อย่างจุใจ

 

 

 

พอฉันเดินทางมาถึงท่าเรือและสัญญาณ 4G แรงขึ้น ฉันก็แปลกใจที่ตัวเองรู้สึกลังเลไม่อยากกลับเท่าไหร่ การได้มาเยือนสถานที่ที่เราสามารถผ่อนคลาย หายใจได้เต็มปอด และพักผ่อนเต็มที่มันยอดเยี่ยมเอามาก ๆ เช่นเดียวกับที่ป่าโกงกางช่วยกรองสิ่งสกปรกจากท้องทะเล Pulau Ubin และ Chek Jawa ถือเป็นหัวใจของวิถีชีวิตของเรา เพราะเป็นส่วนสำคัญของระบบนิเวศสิงคโปร์ เนื่องจากตึกระฟ้าในป่าคอนกรีตเพิ่มจำนวนขึ้นตลอด เราก็หวังว่าเกาะและที่อยู่อาศัยของสัตว์เป่าเหล่านี้จะยังคงหลงเหลือให้ลูกหลานของเราได้ชื่นชมต่อไป

 


คุณอาจสนใจ

     SHARE
บ้าน ไฮไลท์ แบบทดสอบการเดินทาง ปลายทาง แรงบันดาลใจในการเดินทาง ข้อเสนอ จองตอนนี้ วางแผน เกี่ยวกับ
Select country :
Language :