Credit: Sng Ler Jun
February 2020

 

ถ้าจะเที่ยวเมืองใหญ่ขนาดนี้ให้ครบทุกซอกทุกมุม แค่สองวันคงไม่พอครับ เพราะในโอซาก้าจะต้องมีสถานที่สักแห่งหนึ่ง (หรืออาหารสักเมนูหนึ่ง) ที่จะตรงใจและตอบโจทย์ทุก ๆ ด้านของคุณได้ แต่ถ้าคุณอยากลอง วิธีที่ดีที่สุดคือเดินทางด้วย 2-Day Osaka Amazing Pass 

2-Day Osaka Amazing Pass มีราคาแค่ 3,300 เยน (ประมาณ 42 ดอลลาร์สิงคโปร์) แต่จะพาคุณเดินทางไปยังสถานที่ท่องเที่ยวแบบเข้าฟรีได้ถึง 35 แห่ง โดยคุณสามารถขึ้นรถไฟและรถประจำทางได้ไม่จำกัด ถือเป็นเครื่องมือท่องเที่ยวที่คุ้มค่าที่สุดแล้ว 

ในบทความนี้ เราจะพาคุณท่องเที่ยวเมืองใหญ่แห่งนี้ด้วยบัตร Osaka Pass ภายในวงเงินที่กำหนด โดยที่คุณจะได้ออกไปสำรวจย่านเมืองเก่าเทนโนจิ ย่านคิตะอันทันสมัย และบริเวณรอบ ๆ ประสาทโอซาก้าด้วย



วันที่ 1: ย่านคิตะ

1. HEP FIVE Ferris Wheel 

 

หนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่ผู้คนจดจำได้มากที่สุดในย่านคิตะก็คือชิงช้าสวรรค์สีแดงขนาดยักษ์ที่ตั้งอยู่บนชั้นดาดฟ้าของห้างสรรพสินค้า HEP FIVE Ferris ตลอดระยะเวลา 15 นาทีบนชิงช้าสวรรค์ คุณจะมองเห็นความคึกคักและความพลุกพล่านของเมืองโอซาก้า รวมทั้งท่าเรือโอซาก้าอันสวยงาม และความยิ่งใหญ่ตระการตาของภูเขาอิโคมะ ในแต่ละตู้จะมีลำโพงแบบพกพาไว้ให้คุณฟังเพลงโปรดระหว่างชมวิวสบาย ๆ 

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 5,000 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่: 〒530-0017 HEP-FIVE, 5-15 Kakuda-cho, Kita-ku, Osaka City

เวลาเปิดทำการ:
11.00 - 23.00 น (คนสุดท้าย 22.45 น.)

*เคล็ดลับจากมือโปร: ลดเพิ่มอีก 200 เยน เมื่อใช้คูปอง 2 TOKU ที่มาพร้อมกับ Osaka Pass เมื่อซื้อตั๋ว HEP FIVE Ferris Wheel Souvenir Photo Service (ราคาปกติ 1,100  เยน)

 


2. Umeda Sky Building Floating Garden Observatory 

 

 

Umeda Sky Building คืออาคารที่สูงเป็นอันดับที่ 19 ในโอซาก้า และประกอบด้วยอาคารขนาดใหญ่ 2 หลังที่สองชั้นบนสุดเชื่อมต่อกันเพื่อสร้างเป็นสวนชมวิว เมื่อมองลงมาจะเห็นวิวงดงามของโอซาก้าทั้งเมือง (รวมทั้งหมู่เกาะอะวาจิที่อยู่ไกลออกไปด้วย) จากความสูง 170 เมตร 

 

 

นอกจากนี้ยังมีห้องชมวิวปรับอากาศในร่มที่มองเห็นวิวสวยพอ ๆ กันผ่านหน้าต่างของอาคารด้วย ภายในห้องชมวิวยังมีเก้าอี้คู่รัก เหมาะกับเดตแสนโรแมนติกในช่วงพระอาทิตย์ตก

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 1000 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่: 〒531-0076 1-1-88 Oyodo-naka, Kita-ku, Osaka City  

เวลาเปิดทำการ:
9.30 ถึง 22.30 น. (คนสุดท้าย 22.00 น.)

*เคล็ดลับจากมือโปร: ช่วงเวลาที่ดีที่สุด (และโรแมนติกที่สุด) ในการชมวิวจาก Umeda Sky Building คือตอนพระอาทิตย์ตก แนะนำให้มาถึงก่อน 5 โมงเย็น เพื่อจะได้นั่งที่นั่งคู่รักในห้องชมวิว

 


3. Umeda Joypolis Wild Ride


เครดิตรูปภาพ: Japan Osaka Amazing Pass

 

Joypolis เปิดเมื่อปี 1994 และเป็นหนึ่งในสวนสนุกและศูนย์ความบันเทิงชั้นนำของญี่ปุ่น ปัจจุบันทั้งในญี่ปุ่นและจีนมีศูนย์ความบันเทิงหลายแห่งที่มีเกม  SEGA ให้บริการ เกมนี้ได้รับความนิยมตลอดกาล (และชวนให้นึกถึงอดีต) และที่ห้างสรรพสินค้า HEP Five ในอูเมะดะก็มีเช่นกัน

ที่นี่ คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับเครื่องเล่นเสมือนจริงและเกมคอนโซลแบบเก่า ลองเข้าไปสัมผัสความตื่นเต้นที่ Umeda Joypolis Wild River ซึ่งคุณจะได้ผจญภัยบนเครื่องเล่นสุดเร้าใจพร้อมเอฟเฟ็กต์และแสงสีเสียงตระการตา 

 

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 600 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่: 〒530-0017 HEP-FIVE, 5-15 Kakuda-cho, Kita-ku, Osaka City

เวลาเปิดทำการ: 11.00 - 23.00 น (คนสุดท้าย 22.15 น.) 

*เคล็ดลับจากมือโปร: ชีสทาร์ต PABLO มีต้นกำเนิดมาจากญี่ปุ่นและได้รับความนิยมไปทั่วโลก แค่แสดงบัตรผ่าน คุณก็จะได้รับฟรี ‘PABLO Original Sweets’ เมื่อคุณซื้อชีสทาร์ต PABLO จากร้าน PABLO Umeda HEP FIVE

*เคล็ดลับจากมือโปร: ถ้าคุณเคยเล่นตู้คีบตุ๊กตาในโดทันโบริมาก่อน รู้ไหมว่าที่  Joypolis ก็มีตู้คีบแบบนี้เช่นกัน แถมยังราคาถูกกว่าด้วย

 


 วันที่ 1: ย่านปราสาทโอซาก้า

4. Osaka Castle Museum 

 

ปราสาทโอซาก้าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่น และมีส่วนสำคัญในประวัติศาสตร์การรวมชาติของญี่ปุ่นในช่วงศตวรรษที่ 16 ปราสาทแห่งนี้ไม่เพียงเคยเป็นที่พำนักของโชกุนและแม่ทัพ แต่ยังผ่านสงครามมานับครั้งไม่ถ้วน (และเคยถูกเผาทำลายครั้งหนึ่งด้วย) ปัจจุบันที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สมัยใหม่ที่ได้รับความสนใจจากคนท้องถิ่นและนักเดินทางจำนวนมาก 

ปลุกความสนใจในวัฒนธรรมขณะเรียนรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของปราสาทและโทโยโตมิ ฮิเดะโยชิ ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็น “ผู้รวมชาติผู้ยิ่งใหญ่” คนที่สองของญี่ปุ่นขณะเดินขึ้นปราสาท  จากนั้นตื่นตาตื่นใจกับวิวสวยสะกดสายตารอบ ๆ ปราสาทแห่งนี้ 

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 600 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่1-1 Osakajo, Chuo, Osaka, Osaka Prefecture 540-0002, Japan 

เวลาเปิดทำการ:
9.00 - 17.00 น (คนสุดท้าย 16.30 น.)
ปิดตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม ถึง 1 มกราคม

*เคล็ดลับจากมือโปร: พยายามเดินขึ้นไปด้านบนสุดเพื่อชมวิว ก่อนจะเดินลงมาสำรวจปราสาทโอซาก้า แนะนำให้ไปแต่เช้าเพื่อหลีกเลี่ยงคนเยอะ ๆ 

 


5. Osaka Castle Nishinomaru Garden


เครดิตรูปภาพ: The Backpackers

 

ถ้าคนแน่นขนัดที่ปราสาทโอซาก้าทำให้คุณเหน็ดเหนื่อย แนะนำให้มาผ่อนคลายที่สวน Nishinomaru Garden อันเงียบสงบ (และคนไม่ค่อยรู้จัก) ที่อยู่ห่างจากปราสาทโอซาก้าแค่ 200 เมตรเท่านั้น  

คุณจะเดินเล่นเติมความสดชื่นหรือจะปิกนิกใน Nishinomaru Garden พลางชมทัศนียภาพอันงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ใบเขียวชอุ่มของต้น Azalea ในหน้าร้อน และซากุระสวยงามจับตาในฤดูใบไม้ผลิ โดยมีปราสาทโอซาก้าเป็นฉากหลังของรูปถ่าย 

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 200 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่: 〒540-0002 Osaka-jo, Chuo-ku, Osaka City

เวลาเปิดทำการ:
ทุกวัน: 9.00 - 17.00 น.
พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์: 09.00 - 16.30 น.
ฤดูชมซากุระ: 9.00 - 21.00 น. 
ปิดวันจันทร์ (หรือวันชดเชยหลังจากวันจันทร์ หากวันจันทร์เป็นวันหยุดนักขัตฤกษ์) และช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่

 


6. Osaka-jo Gozabune Boat

 

ถ้าคุณคิดว่าคุณชมปราสาทโอซาก้าครบทุกซอกทุกมุมแล้ว ลองล่องเรือ Osaka Castle Gozabune ซึ่งจะเป็นการนั่งบนเรือ Golden Wasen (เรือแบบญี่ปุ่น) ที่คุณจะได้ตื่นตาตื่นใจตลอดระยะเวลา 20 นาที คุณจะได้เห็นปราสาทโอซาก้าและกำแพงปราสาทที่กล่าวกันว่าแข็งแกร่งจนไม่มีใครทำลายได้ในมุมมองที่แตกต่างออกไปจากบนเรือที่แล่นรอบ ๆ ปราสาท 

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 1500 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่: 〒540-0002 Osaka-jo, Chuo-ku, Osaka City

เวลาเปิดทำการ:
10.00 - 17.00 น (เรือลำสุดท้ายออกจากท่า)
ปิดตั้งแต่วันที่ 28 ธันวาคม ถึง 3 มกราคม 

*เคล็ดลับจากมือโปร: มาแต่เช้าและจองเวลาที่ต้องการ เพราะปกติแล้วจะเต็มก่อนบ่าย 3

 



วันที่ 2: ย่านเทนโนจิ

7. Tsutenkaku Tower


เครดิตรูปภาพ: Insurance Post 

 

Tsutenkaku Tower มีหน้าตาคล้ายกับหอไอเฟลในปารีสอย่างมาก และมีความสูง 103 เมตร โดยเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กที่โดดเด่นที่สุดในโลกสมัยใหม่ 

ปัจจุบัน Tsutenkaku Tower มีศูนย์ความบันเทิงและร้านอาหารมากกว่าสามชั้นและยังมีชั้นสำหรับชมวิวอีกสองชั้น คุณจึงชมทัศนียภาพของเมืองได้แบบพาโนรามา นอกจากนี้แล้ว หนึ่งในนั้นจะเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าบิลลิเคนหรือเทพเจ้าแห่งความโชคดี ดังนั้นคุณอาจจะได้รับโชคดีกลับไปก็ได้หลังจากมาเยือนที่นี่แล้ว 

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 700 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่: 〒556-0002 1-18-6 Ebisuhigashi, Naniwa-ku, Osaka City

เวลาเปิดทำการ:
9.00 - 21.00 น (คนสุดท้าย 20.30 น)

 


8. สวนสัตว์ Osaka Tennoji


เครดิตรูปภาพ: Japan Info Swap 

 

สวนสัตว์ Osaka Tennoji เปิดเมื่อปี 1915 และเป็นสวนสัตว์แห่งที่สามในญี่ปุ่น โดยมีสัตว์กว่า 1,000 ตัว มากกว่า 200 สายพันธุ์ ภายในสวนสัตว์ มีการสร้างสภาพแวดล้อมเลียนแบบที่อยู่อาศัยตามธรรมชาติของสัตว์แต่ละชนิด และหนึ่งในนั้นคือโซนทุ่งหญ้าสะวันนาของแอฟริกา ซึ่งมีทั้งสัตว์กินพืชและสัตว์กินเนื้ออยู่ภายในสภาพแวดล้อมแบบเดียวกัน

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 500 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่: 〒543-0063 1-108 Chausuyama-cho, Tennoji-ku, Osaka City

เวลาเปิดทำการ:
จันทร์ – ศุกร์, 9.00 ถึง 17.00 น. (คนสุดท้าย 16.00 น.)
เสาร์, อาทิตย์ และวันหยุดในเดือนพฤษภาคมและกันยายน 9.30 ถึง 18.00 น. (คนสุดท้าย 17.00 น.)
 ปิดวันจันทร์ (ปิดวันอังคาร ถ้าวันจันทร์เป็นวันหยุด), 29 ธันวาคม ถึง 1 มกราคม

 


9. วัดชิเทนโนจิ

 
เครดิตรูปภาพ: Muza-Chan.net

 

วัดชิเทนโนจิเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของญี่ปุ่น และสร้างขึ้นโดยเจ้าชายโชโตคุซึ่งเป็นผู้นำศาสนาพุทธเข้ามาในประเทศญี่ปุ่น ภายในวัดประกอบด้วย ‘การัน (Garan) ที่สร้างขึ้นด้วยสไตล์ชิเทนโนจิ’ มีการจัดวางโครงสร้างของห้องโถงในแนวเหนือ-ใต้เป็นเส้นตรง นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีเรือนเก็บสมบัติที่จัดแสดงภาพเขียนและคัมภีร์ทางศาสนาจำนวนมาก

กล่าวกันว่าวัดของญี่ปุ่นช่วยให้จิตใจสงบและเงียบสงบ ดังนั้นคุณอาจจะค้นพบและเข้าใจสิ่งต่าง ๆ อย่างลึกซึ้งมากขึ้นเมื่อได้เดินเล่นใช้เวลาอยู่ในวัด

 

ค่าใช้จ่ายตามจริง: 300 เยน (ฟรีถ้ามี 2-Day Osaka Pass)

ที่อยู่: 〒543-0051 1-11-18 Shitennoji,Tennoji-ku,Osaka City

เวลาเปิดทำการ:
เมษายน – กันยายน, 8.30 ถึง 16.30 น.
ตุลาคา – มีนาคม, 8.30 ถึง 16.00 น.

 


ขับรถเล่นรอบ ๆ

คู่มือใช้รถสาธารณะ

 

        

2-Day Osaka Amazing Pass จะทำให้คุณขึ้นรถไฟใต้ดิน รถไฟ และรถบัสในเมืองได้ฟรี คุณสามารถใช้แผนที่รถไฟฟ้าใต้ดินฉบับแปลที่แนบมาในการวางแผนทริปของคุณได้ 

 



ที่พักแนะนำ 

1. Fraser Residence Nankai Osaka


เครดิตรูปภาพ: Fraser Residence Nankai, Osaka

 

ลองนึกภาพว่าคุณตื่นมาตอนเช้าท่ามกลางความเงียบสงบเหนือเมืองโอซาก้าอันพลุกพล่าน Fraser Residence Nankai Osaka ภาคภูมิใจในการบริการชั้นเลิศ สิ่งอำนวยความสะดวกชั้นเยี่ยม และทัศนียภาพอันงดงามของเมือง โรงแรมแห่งนี้อยู่ห่างจากย่านโดตันโบริเพียง 10 นาทีเมื่อเดินทางด้วยเท้า และอยู่ตรงข้ามกับสถานี Namba Nankai ดังนั้น คุณจึงอยู่ใกล้กับแหล่งความบันเทิงยามราตรี ห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ และร้านอาหารอร่อย

 

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: เริ่มต้นตั้งแต่ 148 ดอลลาร์สิงคโปร์

ที่อยู่: 1-17-11, Nambanaka, Naniwa-ku, Osaka 556-0011, Japan

เช็คอิน: 14.00 น.

เช็คเอาท์: 12.00 น.

 


2. Guesthouse U-en


เครดิตรูปภาพ: Guesthouse U-en

 

เติมสีสันให้ชีวิตและคว้าโอกาสพักค้างคืนในทาวเฮาส์อายุ 100 ปีที่ซ่อนอยู่ในย่านที่ไม่สะดุดตา แต่อยู่บริเวณใจกลางโอซาก้าที่เดินทางมาได้สะดวก  Guesthouse U-en ผ่านการรีโนเวทมาแล้ว แต่ยังคงเสน่ห์ความเก่าแก่ของอาคารเอาไว้ โฮสเทลแห่งนี้เหมาะกับนักเดินทางหรือแบคแพคเกอร์ที่ต้องการท่องเที่ยวอย่างอิสระ 

 

ค่าใช้จ่ายโดยประมาณ: เริ่มต้นตั้งแต่ 35 ดอลลาร์สิงคโปร์

ที่อยู่: 2-9-23, Fukushima, Fukushima-ku, Osaka, Japan

เช็คอิน: 15.00 - 22.00 น.

 


 

เนื่องจากมีกิจกรรมและสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย คุณจะไม่รู้สึกเบื่อเลยเมื่อเดินทางมาโอซาก้า โตเกียวทำให้คุณนึกถึงท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่านและแสงสีน่าตื่นตาตื่นใจ ส่วนในฮอกไกโด คุณจะได้เพลิดเพลินกับบรรยากาศเงียบสงบแสนและวิถีชีวิตสบาย ๆ ของผู้คน แต่โอซาก้าหลอมรวมความตื่นเต้นเร้าใจกับความตื่นตาตื่นใจของเมืองใหญ่ที่พลุกพล่านได้อย่างสมดุลด้วยสายสัมพันธ์กับคนท้องถิ่นที่อบอุ่นและเป็นมิตร 

 

 


คุณอาจสนใจ

     SHARE
บ้าน ไฮไลท์ แบบทดสอบการเดินทาง ปลายทาง แรงบันดาลใจในการเดินทาง ข้อเสนอ จองตอนนี้ วางแผน เกี่ยวกับ
Select country :
Language :